สพฐ. ย้ำ หนังสือเรียนไข่ต้ม ต้องการสื่อ ความยากไร้

[Ailie662]

สพฐ. ย้ำ หนังสือเรียนไข่ต้ม อยากสื่อ ความจน ไม่ว่าจะรับประทานอะไร ก็เป็นสุขได้ จนกระทั่งพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น ชี้เปลี่ยนแปลงทุก 10 ปี

วันที่ 24 เม.ย.2566 นายอัมพร พินาสะ เลขาธิการคณะกรรมการการเล่าเรียนขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยกรณีโลกอินเตอร์เน็ตวิจารณ์แบบเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ระดับชั้น ป.5 ซึ่งมีเนื้อหาว่า กินไข่ต้มครึ่งส่วน เหยาะน้ำปลา หรือข้าวไม่คลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้ตัวละครในหนังสือแฮปปี้ ถือว่าเป็นการพอเพียง เห็นค่าของชีวิตนั้น ว่า การจัดการเรียนรู้วิชาต่างๆจะมีแผนการจัดแจงทำความเข้าใจอยู่ ซึ่งในแต่ละบทเรียนจะกำหนดจุดหมายอยู่ว่าอยากได้สอนอะไรให้กับผู้เรียนบ้าง ซึ่งการจัดการศึกษา จะมีสื่อประกอบกิจการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการศึกษา ขึ้นอยู่กับอาจารย์ว่าจะนำซีเอไอไหน มาสอนเด็กให้เด็กกำเนิดวิชาความรู้

โดย หนังสือเรียนภาษาพาที ที่เป็นเรื่องนั้น เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ให้ครูใช้ประกอบการสอน เพื่อให้เด็กนำภาษาไปใช้แสดงอารมณ์ความรู้สึก คิด หรือเห็นค่าของความสำราญในชีวิตผ่านวรรณกรรมเพียงแค่นั้น ผู้แต่งก็เลยกำหนดผู้แสดงสมมติขึ้น โดยมีตัวละครที่มาจากครอบครัวมั่งคั่ง แต่ว่าหาความสุขไม่พบ และมีตัวละครที่เป็นเด็กกำพร้า แม้กระนั้นสามารถสุขสบายสำหรับในการดำเนินชีวิตด้วยการแบ่งปันกัน

ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกินนั้น เรื่องราวไม่ได้สื่อเรื่องโภชนาการ แต่ปรารถนาสื่อว่าความยากจนข้นแค้น ไม่ว่าจะกินอะไร อยู่ที่ไหน ก็สามารถมีความสุขได้ เมื่อผู้ที่อยู่ในครอบครัวมั่งมีมามองเห็น จึงเข้าใจว่าความสุขในชีวิตไม่ได้อยู่ที่สถานที่เกิด หรือขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัย แต่อยู่ที่ความเข้าใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน

"บทเรียนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความรู้เรื่องความสบายของชีวิต แน่นอนว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ทิ้งหลักโภชนาการ โดยได้กำหนดการเรียนการสอนเรื่องนี้เอาไว้ในหมวดวิชาสุขศึกษา ทั้งยัง สพฐ.ได้ให้ความใส่ใจกับโภชนาการของเด็กเป็นอย่างมาก มองเห็นได้จากการมีระบบระเบียบ Thai School Lunch ซึ่งคือระบบที่ช่วยให้สถานที่เรียนสามารถจัดข้าวกลางวันที่มีคุณภาพให้แก่นักเรียน

ด้วยเหตุนี้ บทเรียนดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว เป็นการเทียบให้เด็กกำเนิดแนวทางการคิด รวมทั้งได้มีความเห็นว่าความสำราญที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ดังนี้ ไม่ได้อยากเอ๋ยถึงผู้ใดกัน แต่คิดว่าการบ้านการเมืองเวลานี้ อยู่ระหว่างแนวทางการขายความนึกคิด วิธีขายแนวนโยบาย ด้วยเหตุนี้ ส่วนไหนที่มีประโยชน์ สพฐ.ในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็พร้อมที่จะรับฟังทุกความคิด ส่วนไหนที่มีประโยชน์จะยอมรับฟังรวมทั้งไปปรับใช้" นายอัมพร กล่าว

นักข่าวถามว่า เห็นว่าดราม่าที่เกิดขึ้นลุกลามไปไกลไหม นายอัมพร พูดว่า ไม่ไม่สบายใจว่าจะมีดราม่า เนื่องจากว่า สพฐ.อยู่ภาคการศึกษา ยินดีที่จะรับฟังทุกความคิดเห็น ด้วยเหตุว่าคิดว่าทุกความนึกคิดมีประโยชน์ ซึ่งตนรู้สึกว่าทุกคนมีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ แม้กระนั้น การจัดทำหนังสือหนึ่งเล่ม สพฐ.ไม่ได้ทำเพียงผู้เดียว จึงควรผ่านกรรมวิธี ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการจัดทำ รวมทั้งผ่านการตรวจสอบจากนักวิชาการอีกคนไม่ใช่น้อยจนกระทั่งเห็นเหมือนกันว่าหนังสือที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแล้ว ซึ่งตนเข้าใจกันอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนไป สพฐ.เพียรพยายามจะทำหนังสือให้ดีขึ้น นำสมัยเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ผู้รายงานข่าวถามว่า หนังสือภาษาพาทีมีใจความสำคัญดราม่าตั้งแต่ปี 2563 แล้วปีนี้เกิดดราม่าขึ้นอีก จะมีการปรับปรุงแก้ไขให้ล้ำสมัยหรือไม่ นายอัมพร พูดว่า สพฐ.มีการเปลี่ยนแปลงตำรับตำราเรียนทุกๆ10 ปี คือเรื่องธรรดาอยู่แล้ว รวมทั้งปัจจุบันนี้ สพฐ.เปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์เสนอขอแก้ไขสื่อการสอนของตัวเองได้ ซึ่งสื่อที่ผลิตใหม่เสนอใหม่ถ้ามีหลักสูตรใหม่เกิดมา หลักสูตรเก่าก็จำต้องไม่มีการใช้สอนอยู่แล้ว
แบบเรียนไข่ต้ม
ขอบคุณข้อมูลจาก https://freelydays.com/13833/